ผู้เชี่ยวชาญประเมิน การที่ยูเครนมีชัยเหนือรัสเซียในการทวงคืนพื้นที่ อาจเป็นการบีบให้ปูตินใช้อาวุธนิวเคลียร์
ความคืบหน้าล่าสุดในสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้บรรดาชาติตะวันตกตื่นเต้น เมื่อยูเครนใช้แผนลวงหลอกล่อรัสเซียจนสามารถยึดพื้นที่บริเวณภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือคืนมาได้สำเร็จหลายพันตารางกิโลเมตร และผลักดันกองกำลังรัสเซียให้ถอยไปจากชายแดนได้
แต่ท่ามกลางความชื่นชมยินดีนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาพยากรณ์ว่า นี่จะนำไปสู่การตัดสินใจใช้ “อาวุธนิวเคลียร์” ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน หรือไม่?
ประเมินว่า ความคืบหน้าที่ดูจะมีเพียงน้อยนิดประกอบกับความพ่ายแพ้ที่รัสเซียไม่ยอมรับนี้ เป็นเหมือนกับการตบหน้าปูตินเข้าฉาดใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น การพลาดท่าเสียทีของกองทัพรัสเซียทำให้ขณะนี้ปูตินถูกกดดันอย่างหนัก ทั้งจากผู้สนับสนุนซึ่งเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และจากผู้ต่อต้านที่ต้องการให้ยุติการสู้รบ หรือถึงขั้นเรียกร้องให้ปูตินลาออก..
เมื่อเจอกับแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก ก็ไม่แปลกใจที่จะเกิดความกังวลว่า หากปูตินต้องการสร้างผลงานใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” ให้เป็นที่ประจักษ์ การใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่เป็นไปได้อย่างยิ่ง
โรส ก็อตต์โมลเลอร์ อดีตรองเลขาธิการนาโต (NATO) ออกมาเตือนว่า ปูตินอาจตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่กองทัพของเขาประสบความพ่ายแพ้ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่า ชัยชนะนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของสงคราม..
“ฉันกลัวว่าพวกเขาจะโจมตีกลับตอนนี้ด้วยวิธีที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ และอาจเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง” ก็อตต์โมลเลอร์บอก
เธออธิบายว่า รัสเซียสามารถสั่งการโจมตีสาธิตนิวเคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีครั้งเดียวเหนือทะเลดำหรือบางทีอาจจะโจมตีโครงสร้างทางทหารของยูเครน “เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับยูเครนและพันธมิตร”
ไม่เพียงแต่การใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยตรงเท่านั้น ต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) ของยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ยังคงอยู่ในความดูแลของรัสเซียเป็นหลัก
แม้จะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) หน่วยงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เข้าไปประจำการดูแลความเรียบร้อยภายในโรงไฟฟ้า ก็ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่า จะไม่เกิด “อุบัติเหตุนิวเคลียร์” ขึ้นมา..
ข้อมูลจากสหรัฐฯ จะระบุว่า ไม่มีสัญญาณว่ารัสเซียกำลังพยายามทำอะไรกับอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายหรือเตรียมการใด ๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญและบรรดาชาติตะวันตกก็ยังคงกังวลว่า ปูตินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากเขาถูกต้อนให้จนมุม หรือดูเหมือนว่าเขากำลังจะแพ้สงครามในยูเครน
ทั้งนี้ ในกรณีที่ดีที่สุด นักยุทธศาสตร์มองว่า รัสเซียอาจเลือกใช้กลยุทธ์สู้รบยืดเยื้อ เพื่อซื้อเวลาในการจัดหากำลังพล ทรัพยากร และรวมพลใหม่ แต่กลยุทธ์นี้ก็เสี่ยงที่จะเป็นฝ่ายป้องกันมากจนเกินไปจนอาจพลาดท่าให้กับยูเครนอีก
แต่อย่างไรก็ดี เป็นการยากสำหรับชาติตะวันตกที่จะคำนวณว่า “เส้น” ของปูตินอยู่ที่ใด การกระทำใดบ้างที่ปูตินจะถือว่าเป็นการล้ำเส้น และพร้อมตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรงสุดขั้ว
จนถึงตอนนี้ ยูเครนและพันธมิตรยังไม่ได้ล้ำเส้นปูตินในระดับที่ยอมรับไม่ได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่า ในอนาคตจะมีการล้ำเส้นหรือไม่ และปูตินก็ประสบความสำเร็จในการทำตัวลึกลับ ซึ่งทำให้ไม่สามารถตัดสินได้อย่างแม่นยำว่าเขาสามารถ “ไปได้สุด” แค่ไหน
ก็ได้แต่ภาวนาว่า สิ่งที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณืกันมานี้ จะเป็นเพียงการมองโลกในแง่ร้าย เพราะอีกหนึ่งความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นหากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็คือ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น