10 อันดับเครื่องบินขับไล่ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2568 Gripenก็ติดอันดับ

“10 อันดับเครื่องบินขับไล่ที่ดีที่สุดในโลก (มุมมองปี 2025)” พร้อมรายละเอียดแบบย่อและแหล่งอ้างอิง(อันดับอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามหน่วยงานที่จัดลำดับในความสำคัญแต่ละเรื่อง) ..

best fighter jet in the world

  1. Lockheed Martin F-22 Raptor (สหรัฐฯ)
    บทบาท: ครองอากาศ/โจมตีจำกัด | เข้าประจำการ: 2005
    จุดเด่น: ล่องหนขั้นสูง, ซูเปอร์ครูซ, เรดาร์ AESA AN/APG-77, ฟิวชันเซนเซอร์ระดับสูงสุดสำหรับยุค 5th gen ด้านอากาศสู่อากาศ.

  2. Lockheed Martin F-35A/B/C Lightning II (สหรัฐฯ)
    บทบาท: อเนกประสงค์ “omni-role” | เข้าประจำการ: 2015–ปัจจุบัน
    จุดเด่น: ล่องหน+ฟิวชันเซนเซอร์, DAS/EO-DAS, AN/APG-81 AESA, เครือข่าย-ศูนย์กลาง; โครงการอัปเกรด Block 4 ยังเดินหน้าเพิ่มอาวุธ/เซนเซอร์. Lockheed MartinThe Aviationist

  3. Chengdu J-20 “Mighty Dragon” (จีน)
    บทบาท: ครองอากาศ/สกัดกั้น-ระยะไกล | เข้าประจำการ: ~2017–ปัจจุบัน
    จุดเด่น: ล่องหน, AESA, ขีปนาวุธ PL-15 ระยะไกล; ขนาดกองกำลังและสมรรถนะพัฒนาต่อเนื่องตามการประเมินของ Janes/รายงานเปิดเผย. Default

  4. Sukhoi Su-57 “Felon” (รัสเซีย)
    บทบาท: อเนกประสงค์ยุคที่ 5 | เข้าประจำการ: ผลิตต่อเนื่องจำนวนจำกัด
    จุดเด่น: ความคล่องตัวสูง+เวกเตอร์แรงขับ, เซนเซอร์หลายแบนด์, บรรทุกอาวุธภายใน; ผู้ผลิตยืนยันการส่งมอบล็อตใหม่ในปี 2024–25. uacrussia.rurostec.ru

  5. Dassault Rafale F4 (ฝรั่งเศส)
    บทบาท: “omni-role” สมดุลอากาศ-พื้น | สถานะ: มาตรฐาน F4.1 เข้าประจำการแล้ว
    จุดเด่น: การเชื่อมต่อ/ฟิวชันข้อมูลดีขึ้น, HMD Thales Scorpion, อาวุธ MICA-NG/AASM, การป้องกันตนเอง SPECTRA รุ่นปรับปรุง. Dassault AviationAviation International NewsThales Group

  6. Eurofighter Typhoon (ECRS Mk 1/Mk 2) (ยุโรป)
    บทบาท: ครองอากาศ-มัลติโรล | สถานะ: อัปเกรดเรดาร์ Captor-E เริ่มใช้งาน/ทดสอบ
    จุดเด่น: AESA บนฐานหมุน “กวาดมุมกว้าง” (wide field-of-regard) ช่วยสแกนพร้อมทำ EW; โครงการ Mk 2 ของสหราชอาณาจักรกำลังบูรณาการ. AirbusThe War ZoneEurofighter Typhoon

  7. Boeing F-15EX “Eagle II” (สหรัฐฯ)
    บทบาท: ครองอากาศ/บรรทุกอาวุธหนัก | สถานะ: ส่งมอบและเข้าประจำการเพิ่ม
    จุดเด่น: เรดาร์ AESA AN/APG-82(V)1, ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ EPAWSS, เพย์โหลดมาก/พิสัยไกล เหมาะยิงอาวุธ BVR จำนวนนับมาก. MediaRoom

  8. Boeing F/A-18E/F Super Hornet Block III (สหรัฐฯ)
    บทบาท: เรือบรรทุกเครื่องบิน/มัลติโรล | สถานะ: Block III ผลิตใหม่+ปรับปรุงฝูงบิน
    จุดเด่น: โครงสร้างยืดอายุ, ห้องนักบิน 10×19 นิ้ว, ลิงก์-ข้อมูล/คอมพิวต์ DTP-N, การเซนเซอร์แบบเครือข่าย, เตรียมรองรับ IRST21. WikipediaThe Aviationist

  9. Saab JAS 39E “Gripen E” (สวีเดน/บราซิล)
    บทบาท: มัลติโรลน้ำหนักเบา/คุ้มค่า | สถานะ: ส่งมอบให้สวีเดน-บราซิล, เข้าฝึก-ปฏิบัติการ
    จุดเด่น: เรดาร์ AESA Raven ES-05 (หน้ากากหมุน ให้ FoR กว้างกว่า ±100°), IRST Skyward-G, สงครามอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่, ค่าดำเนินงานต่ำ. Start+1leonardo.us

  10. Lockheed Martin F-16V Block 70/72 (สหรัฐฯ)
    บทบาท: มัลติโรล “Gen 4.5” | สถานะ: สายการผลิตใหม่/ส่งออกกว้าง
    จุดเด่น: เรดาร์ AESA APG-83, จอใหญ่ “Center Display Unit”, โครงสร้างอายุยืน, อัพเกรดยุทธวิธีสอดคล้องยุคเครือข่าย-ศูนย์กลาง. MediaRoom

หมายเหตุวิธีจัดอันดับ (ย่อ): พิจารณาความสมบูรณ์การปฏิบัติการ (operational maturity), ความล่องหน/เซนเซอร์/ฟิวชันข้อมูล, ความสามารถอากาศสู่อากาศระยะไกล (BVR) และศักยภาพอัปเกรดในทศวรรษหน้า โดยหลีกเลี่ยงแบบที่ยังไม่เข้าประจำการเต็มรูปแบบ.

เจาะลึกความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของ B-2 Spirit หนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีความฉลาดและร้ายกาจที่สุดในโลก

เครื่องบินขับไล่ล่องหน Stealth Fighter F-22 Raptor GEN. 5 ของสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมขายให้ทุกประเทศ

เครื่องบิน F-22 Raptor เป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหน (Stealth Fighter) รุ่นที่ 5 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) ที่พัฒนาโดย Lockheed Martin ร่วมกับ Boeing จุดเด่นคือเป็นเครื่องบินที่รวมความสามารถทั้งด้าน ความเร็ว, การล่องหน, ความคล่องตัวสูง และระบบอาวุธล้ำสมัย


รายละเอียดสำคัญของ F-22 Raptor

🔹 ข้อมูลทั่วไป

  • ประเภท: เครื่องบินขับไล่ครองอากาศ (Air Superiority Fighter) + โจมตีภาคพื้น (Multirole)

  • ผู้ผลิต: Lockheed Martin (หลัก), Boeing, Pratt & Whitney (เครื่องยนต์)

  • เข้าประจำการ: ปี ค.ศ. 2005

  • จำนวนสร้างทั้งหมด: ประมาณ 195 ลำ (รวมเครื่องต้นแบบ)

  • ราคา: ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ลำ (ไม่รวมค่า R&D)


🔹 ข้อมูลทางเทคนิค

  • ความยาว: 18.92 เมตร

  • ความกว้างปีก: 13.56 เมตร

  • ความสูง: 5.08 เมตร

  • น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด (MTOW): ~38,000 กิโลกรัม


Geran-2 โดรนพลีชีพของรัสเซีย บินได้ไกล1,000–2,000 กม. บรรทุกหัวรบน้ำหนัก 30–50 กก.

🔹 เครื่องยนต์

  • Pratt & Whitney F119-PW-100 จำนวน 2 เครื่อง

  • มี Thrust Vectoring (หันทิศทางแรงขับ) ช่วยให้เคลื่อนที่ได้คล่องตัวสูงมาก

  • แรงขับรวม: 70,000 ปอนด์ (31,750 กิโลกรัมแรง)

  • Supercruise: สามารถบินเร็วเหนือเสียงได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้ Afterburner


🔹 สมรรถนะ

  • ความเร็วสูงสุด: Mach 2.25 (~2,410 กม./ชม.)

  • เพดานบิน: >20,000 เมตร

  • รัศมีปฏิบัติการ: ~850 กม. ต่อภารกิจ (Combat radius)

  • พิสัยบินไกลสุด: ~2,960 กม.


🔹 ระบบเรดาร์และอิเล็กทรอนิกส์

  • เรดาร์ AN/APG-77 AESA (Active Electronically Scanned Array)

  • ระบบ Stealth ลดการสะท้อนเรดาร์

  • มี Sensor Fusion รวมข้อมูลจากเรดาร์, IR, และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์


🔹 อาวุธ

📍 ติดตั้งภายใน (เพื่อคงความล่องหน):

  • ปืนกล M61A2 Vulcan 20 มม. (450 นัด)

  • อาวุธอากาศสู่อากาศ: AIM-120 AMRAAM, AIM-9 Sidewinder

  • อาวุธโจมตีภาคพื้น: JDAM, Small Diameter Bomb

📍 ติดตั้งภายนอก (เมื่อไม่เน้นล่องหน):

  • ขีปนาวุธ, ระเบิดนำวิถี, ถังเชื้อเพลิงเสริม


🔹 จุดเด่น

  1. ล่องหน – ยากต่อการตรวจจับด้วยเรดาร์ศัตรู

  2. Supercruise – บินเร็วเหนือเสียงได้ยาวนานโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงสิ้นเปลืองมาก

  3. คล่องตัวสูง – ด้วย Thrust Vectoring และการออกแบบแอโรไดนามิก

  4. ระบบ Avionics ล้ำสมัย – รวมข้อมูลจากหลายเซ็นเซอร์ให้นักบินตัดสินใจได้เร็ว


🔹 ข้อจำกัด

  • ราคาแพงมาก ทำให้การผลิตหยุดในปี 2012

  • สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ส่งออก (แตกต่างจาก F-35 ที่ขายพันธมิตรได้)

  • เทคโนโลยีบางอย่างเริ่มถูกท้าทายจาก F-35, Su-57 (รัสเซีย), J-20 (จีน)

Geran-2 โดรนพลีชีพของรัสเซีย บินไกลนับพันกิโลเมตร บรรทุกหัวรบ 30–50กก. ทำลายล้างสูง

โดรนพลีชีพของรัสเซีย บินได้ไกล1,000–2,000 กม. บรรทุกหัวรบน้ำหนัก 30–50 กก.

รุ่นหลักที่รัสเซียใช้งานGeran-2 (Shahed-136 ของอิหร่าน)

.

Geran-2 (Shahed-136 เวอร์ชันรัสเซีย)

โครงสร้างและระบบหลัก

  • ระบบนำวิถี (Navigation)

    • ใช้ GLONASS (ดาวเทียมนำทางของรัสเซีย) ผสมกับ GPS/INS เพื่อความแม่นยำ

    • INS (Inertial Navigation System) ทำงานเมื่อ GPS ถูกรบกวนด้วย ระบบต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (anti-jamming)

    • เวอร์ชันใหม่ติด กล้องอินฟราเรด + คอมพิวเตอร์วิชั่น เพื่อบินกลางคืนและเลือกเป้าหมายท้ายภารกิจ

  • ระบบขับเคลื่อน

    • เครื่องยนต์ลูกสูบ MD550 หรือเทียบเท่า (2 สูบ, 50–55 แรงม้า) ใช้น้ำมันเบนซิน (AVGAS)

    • ใบพัดแบบ push-prop ติดท้าย

  • ระบบควบคุม

    • ปกติเป็น autopilot ใช้เส้นทางที่ตั้งค่าไว้ (waypoints)

    • รุ่นอัปเกรดสามารถรับคำสั่งปรับทิศทางผ่านลิงก์ดาวเทียม (บางรายงานอ้างว่ามีการใช้ Starlink หรือเทียบเท่า)

  • ระบบสื่อสาร

    • ลิงก์วิทยุคลื่น UHF/VHF หรือดาวเทียม ใช้สำหรับอัปเดตเป้าหมายในขั้นตอนสุดท้าย

  • ระบบบรรทุกอาวุธ

    • หัวรบแรงสูง (HE) 30–50 กก., มีทั้งแบบระเบิดกระจาย (fragmentation) และเทอร์โมบาริก

  • เป็นโดรนที่พัฒนามาจาก Shahed‑136 ของอิหร่าน แต่รัสเซียผลิตเองในชื่อ Geran‑2 โดยมีการปรับใช้เทคโนโลยีภายในแบบ GLONASS และควบคุมผลิตภัณฑ์เอง PBS+15Wikipedia+15The Washington Post+15

  • ตัวโดรนมีความยาว ~3.5 m และปีกกว้าง ~2.5 m

  • ความเร็วบินประมาณ 185 กม./ชม. พิสัยสูงสุดประมาณ 1,000–2,000 กม. (ต่างยอมรับกันว่าไกลสุด 2,000 กม.) Wikipediavietnam.vnVoice of America

  • บรรทุก หัวรบน้ำหนัก 30–50 กก., บางเวอร์ชันเตรียมติดตั้งเทอร์โมบาริกเพื่อทำลายที่มั่น

  • มีระบบกล้องอินฟราเรด และระบบควบคุมภาพอัลกอริธึม ใช้ในภารกิจกลางคืนและแม่นยำขึ้น

ZALA Lancet (Item 51/52/53)

  • ผลิตโดยบริษัท ZALA Aero (ภายใต้ Kalashnikov) ตั้งแต่ปี 2019

  • มีพิสัยบิน ~40 กม., บรรทุกหัวรบ 3–5 กก., ความเร็วบินจาก 110 กม./ชม. และดิ่งลงถึง 300 กม./ชม.

  • แบ่งเป็นรุ่น Lancet‑1, Lancet‑3, Product‑53 (หรือ Izdeliye‑53) ซึ่งมีการพัฒนาความสามารถอัตโนมัติ และส่งเป็นกลุ่ม (swarm) ได้

  • ใช้ระบบนำวิถีภาพ (TV-guidance) ซึ่งผู้ควบคุมสามารถเลือกเป้าหมายช่วงท้ายภารกิจได้

  • เคยใช้โจมตีรถถัง T‑84 และอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศ Stormer HVM


จุดแข็งและกลยุทธ์การใช้งาน

  • ต้นทุนต่ำ: Geran‑2 มีราคาผลิตในรัสเซียประมาณ $20,000–35,000 เหรียญ/หน่วย ส่วน Shahed‑136 ดั้งเดิมอยู่ที่ $193,000/หน่วย แต่ต้นทุนจริงอาจต่ำกว่า

  • ใช้เพื่อปฏิบัติการขนาดใหญ่: โดรนถูกส่งเข้าทำลายโครงสร้างพื้นฐาน, จุดยุทธศาสตร์ และสร้างผลทางจิตวิทยาให้ศัตรู

  • ผลิตจำนวนมาก: โรงงานในเมือง Yelabuga รัสเซียประกาศสามารถผลิต Geran‑2 จำนวนหลายหมื่นตัว และแม้จะใช้แรงงานเยาวชน

  • ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: เพิ่มความสามารถในการบินกลางคืน, ใช้เซ็นเซอร์อินฟราเรด, ติดดาวเทียม Starlink เพื่อควบคุมระยะไกลขึ้น และอื่น ๆ


บทบาทในสนามรบ

  • Lancet ถูกใช้แพร่หลายโดยกองกำลังรัสเซียเพื่อโจมตีรถถัง, ปืนครก, และอุปกรณ์ทหารของยูเครนโดยตรง

  • Geran‑2 ถูกใช้ในปฏิบัติการกลางคืนและโจมตีโครงสร้างพลเรือน เช่น โครงข่ายพลังงาน น้ำ และอาคารยุทธศาสตร์ในเคียฟ WikipediaISPI


.

. .

เปรียบเทียบสรุป

รุ่น พิสัยบิน หัวรบ ความเร็ว (บิน/ดิ่ง) จุดเด่น
Geran-2 ~1,000–2,000 กม. 30–50 กก. ~185 กม./ชม. ระยะไกล, ราคาต่ำ, กลางคืน
Lancet-3 ~40 กม. ~3–5 กก. 110/300 กม./ชม. ควบคุมภาพ, swarm, ใช้ยิงตรง

กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กำลังพิจารณาซื้อโดรนจากจีน(ปี2024)

เบื้องต้นมีรายงานชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กำลังพิจารณาซื้อโดรนจากจีนซึ่งเป็นโดรนลาดตระเวนระยะไกล (long‑endurance surveillance UAV) โดยระบุรุ่นเบื้องต้นดังนี้..


△CW‑40D สามารถบังคับได้ไกลกว่าร้อยก.ม.

📌 ยี่ห้อ/รุ่นที่กัมพูชากำลังพิจารณา

  • CW‑15 และ CW‑40 — โดรนสอดแนมระยะไกล ที่ผลิตโดย China National … (ชื่อบริษัทเต็มยังไม่เปิดเผยชัดเจนในสื่อ)
    รายงานระบุว่ากำลังอยู่ในขั้นตอน ศึกษาและพิจารณาการจัดหา โดยเน้นด้านการลาดตระเวนบินระยะไกลเพื่อเสริมความมั่นคงของประเทศในปี 2024–25 khmertimeskh.com+1en.wikipedia.org+1


🔍 รายละเอียดที่ทราบ

  • ยังไม่มีรายงานยืนยันว่ากัมพูชาได้สั่งซื้อหรือได้รับมอบโดรนทั้งสองรุ่นแล้ว — ขณะนี้เป็นแค่ การพิจารณาในขั้นต้น เท่านั้น

  • ยังไม่มีข้อมูลทางการว่ารุ่น CW-15 หรือ CW-40 ถูกนำเสนอผ่านข้อตกลงรัฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) หรือผ่านรัฐวิสาหกิจด้านอาวุธของจีน เช่น CASC หรือ AVIC

  • จึงยังไม่รู้ชัดว่า CW-15/40 มีความสามารถครบวงจร เช่น ระบบติดตั้งกล้องความร้อน, ใช้ SatCom, payload สูง, และสามารถบรรทุกอาวุธ (strike-capable) หรือไม่ ?— แต่ดูเหมือนจะเน้นไปที่ โดรนลาดตระเวนไม่ติดอาวุธ (surveillance only)


✅ สรุป

รายละเอียด ข้อมูล
รุ่นที่เกี่ยวข้อง CW-15, CW-40
สถานะ อยู่ในขั้นตอนพิจารณา (ไม่ยืนยันว่าซื้อจริง)
วัตถุประสงค์ ลาดตระเวน, การเฝ้าตรวจสอบระยะไกล
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ขาด ยังไม่ทราบความสามารถด้าน payload, strike-capability, หรือข้อตกลงรายละเอียด

มารู้จักกับ MiG-21 ของกัมพูชา ไม่น่าเชื่อบินเร็วกว่า2,175 กม./ชม. (2มัค)

**  
 MiG-21 (มิโคยัน-กูเรวิช มิก-21 /Mikoyan-Gurevich-MiG-21bis) ที่ใช้งานโดยกองทัพอากาศกัมพูชา (Royal Cambodian Air Force – RCAF) 1. บริบทการใช้งาน MiG-21 ในกัมพูชา
  • ช่วงเวลาที่ใช้งาน: กองทัพอากาศกัมพูชาได้รับ MiG-21 ในช่วงทศวรรษ 1980(พ.ศ.2523) ผ่านความช่วยเหลือทางทหารจากสหภาพโซเวียตและ/หรือเวียดนาม ในช่วงที่กัมพูชาอยู่ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลประชาชนกัมพูชา (People’s Republic of Kampuchea) ซึ่งต่อสู้กับกลุ่มเขมรแดง
  • บทบาท: ใช้สำหรับภารกิจป้องกันน่านฟ้า, สนับสนุนการรบภาคพื้นดิน, และฝึกนักบิน
  • จำนวนเครื่องบิน: ไม่มีข้อมูลที่แน่นอน แต่คาดว่ามีจำนวนไม่มาก (อาจประมาณ 4-12 ลำ) เนื่องจากกัมพูชามีโครงสร้างพื้นฐานด้านการบินที่จำกัด
  • สถานะปัจจุบัน (2025): MiG-21 ไม่น่าจะยังคงประจำการในกองทัพอากาศกัมพูชา เนื่องจากเครื่องบินมีอายุมาก (ผลิตตั้งแต่ทศวรรษ 1950-1980) และขาดการบำรุงรักษาหรืออะไหล่ที่เพียงพอ ข้อมูลจากแหล่งเช่น The Military Balance และรายงานอื่นๆ ไม่มีการระบุว่า MiG-21 ยังใช้งานอยู่ ส่วนใหญ่คาดว่าเครื่องบินเหล่านี้ถูกปลดระวางหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถบินได้ (อาจใช้เป็นเครื่องฝึกหรือจัดแสดง)
2. สเปคทั่วไปของ MiG-21 (รุ่นที่อาจใช้งานในกัมพูชา)เนื่องจากไม่มีข้อมูลยืนยันว่ารุ่นใดของ MiG-21 ที่กัมพูชาใช้งาน (อาจเป็น MiG-21PF, MiG-21MF, หรือ MiG-21bis ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากโซเวียต) ข้อมูลสเปคของ MiG-21MF ซึ่งเป็นรุ่นที่พบได้บ่อยในช่วงเวลาที่กัมพูชาน่าจะได้รับเครื่องบินนี้.. :ข้อมูลทั่วไป
  • ชื่อ: Mikoyan-Gurevich MiG-21MF (NATO reporting name: Fishbed-J)
  • ประเภท: เครื่องบินขับไล่พลังไอพ่นเร็วเหนือเสียง
  • ผู้ผลิต: มิโคยัน-กูเรวิช (สหภาพโซเวียต)
  • ปีที่เริ่มใช้งาน: ต้นทศวรรษ 1970 (รุ่น MF)
  • ลักษณะเด่น: ลำตัวเพรียว, ปีกสามเหลี่ยม (delta wing), ออกแบบเพื่อการต่อสู้ในระยะใกล้ (dogfight) และภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน
สเปคทางเทคนิค
  • ขนาด:
    • ความยาว: 14.7 เมตร (รวมท่อตรวจจับความเร็วที่จมูก)
    • ความกว้างปีก: 7.15 เมตร
    • ความสูง: 4.1 เมตร
  • น้ำหนัก:
    • น้ำหนักเปล่า: 5,843 กก.
    • น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด: 8,825 กก. (พร้อมอาวุธและเชื้อเพลิงเต็ม)
  • เครื่องยนต์: Tumansky R-13-300 เทอร์โบเจ็ท
    • แรงขับ: 39.9 kN (ปกติ), 64.7 kN (เมื่อใช้ afterburner)
  • ความเร็ว:
    • ความเร็วสูงสุด: Mach 2.05 (ประมาณ 2,175 กม./ชม. ที่ระดับสูง)
    • ความเร็วเดินทาง: Mach 0.7-0.8 (ประมาณ 850-1,000 กม./ชม.)
  • พิสัยการบิน:
    • ระยะบิน: 1,100 กม. (พร้อมถังน้ำมันในตัว)
    • ระยะบินสูงสุด: 1,470 กม. (พร้อมถังน้ำมันเสริม)
    • ระยะเวลาบิน: ประมาณ 45 นาที (ขึ้นอยู่กับภารกิจและเชื้อเพลิง)
  • เพดานบิน: 17,800 เมตร (58,400 ฟุต)
  • อัตราการไต่ระดับ: 120 เมตร/วินาที
  • อาวุธ:
    • ปืนใหญ่: ปืน GS-23L ขนาด 23 มม. (กระสุน 200 นัด)
    • จรวด: จรวดอากาศสู่อากาศ เช่น K-13 (R-3S, NATO: AA-2 Atoll) หรือจรวดอากาศสู่พื้น
    • ระเบิด: ระเบิดน้ำหนักรวมสูงสุด 1,000 กก. (เช่น ระเบิด FAB-250)
    • จุดติดตั้งอาวุธ: 4 จุดใต้ปีกและ 1 จุดใต้ลำตัว
  • ระบบอิเล็กทรอนิกส์:
    • เรดาร์: RP-21 Sapfir (สำหรับตรวจจับเป้าหมายและนำวิถีจรวด)
    • ระบบนำทาง: ระบบวิทยุและไจโรสโคปพื้นฐาน
  • ลูกเรือ: 1 คน (นักบิน)
ลักษณะเด่นและข้อจำกัด
  • จุดเด่น:
    • ออกแบบให้บินด้วยความเร็วเหนือเสียงและมีความคล่องตัวสูงในการต่อสู้ระยะใกล้
    • ค่าบำรุงรักษาต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องบินตะวันตกในยุคเดียวกัน
    • สามารถใช้งานในสนามบินที่มีรันเวย์สั้นและหยาบได้
  • ข้อจำกัด:
    • ระยะบินสั้น (ต้องพึ่งถังน้ำมันเสริม)
    • ระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้าสมัยเมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นใหม่
    • การจัดวางถังน้ำมันทำให้ศูนย์ถ่วงเปลี่ยนเมื่อเชื้อเพลิงลดลง ส่งผลต่อความเสถียร
    • ความจุอาวุธจำกัดเมื่อเทียบกับเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่
3. สถานการณ์ในกัมพูชา
  • การได้มา: MiG-21 ที่กัมพูชาใช้งานน่าจะเป็นรุ่นมือสองจากสหภาพโซเวียตหรือเวียดนาม ซึ่งมอบให้ในช่วงที่กัมพูชาต้องการป้องกันน่านฟ้าจากการโจมตีของกลุ่มเขมรแดงหรือภัยคุกคามจากชายแดน
  • การใช้งาน: ใช้ในภารกิจจำกัด เนื่องจากกัมพูชาขาดโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินที่เหมาะสม, ช่างเทคนิคที่มีทักษะ, และงบประมาณสำหรับการบำรุงรักษา
  • เหตุการณ์สำคัญ: ไม่มีบันทึกการใช้ MiG-21 ในปฏิบัติการรบครั้งใหญ่ของกัมพูชา ส่วนใหญ่ใช้เพื่อฝึกซ้อมหรือแสดงแสนยานุภาพ
  • การปลดระวาง: ในช่วงทศวรรษ 2000 กองทัพอากาศกัมพูชาเริ่มเปลี่ยนไปใช้เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินลำเลียง เช่น Harbin Z-9 และ Xian MA60 เนื่องจาก MiG-21 ล้าสมัยและขาดอะไหล่
  • สถานะในปี 2025: จากข้อมูลที่มีใน The Military Balance 2025 และแหล่งอื่นๆ กองทัพอากาศกัมพูชามีเครื่องบินขับไล่น้อยมาก (อาจไม่มีเลย) และเน้นใช้เฮลิคอปเตอร์ (เช่น Mi-17, Z-9) และเครื่องบินลำเลียงมากกว่า MiG-21 น่าจะถูกเก็บในคลังหรือจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทหาร
4. ข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น
  • ไม่มีข้อมูลจาก X หรือเว็บล่าสุด: การค้นหาข้อมูลล่าสุด (ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2025) ไม่พบรายงานใหม่เกี่ยวกับ MiG-21 ในกัมพูชา ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหรือทั่วไปเกี่ยวกับกองทัพกัมพูชา
  • เปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน: เวียดนาม ซึ่งเป็นพันธมิตรของกัมพูชาในอดีต ยังคงใช้งาน MiG-21 จนถึงช่วงทศวรรษ 2010 (พ.ศ.2553)แต่ได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องบินที่ทันสมัยกว่า เช่น Su-30MK2 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า MiG-21 ล้าสมัยในภูมิภาคนี้.

PHL-03 จรวดหลายลำกล้องขนาดใหญ่ของจีน มีพิสัยยิงไกลอานุภาพรุนแรง และกัมพูชากำลังจะใช้ยิงเข้ามาในไทย

.

มารู้จักกับ BM-21 จรวด40ลำกล้องของกัมพูชา

ขีปนาวุธ PHL-03 (หรือบางครั้งเรียกว่า AR2 MLRS) เป็นระบบจรวดหลายลำกล้อง (Multiple Launch Rocket System – MLRS) ขนาดใหญ่ของจีนที่มีพิสัยไกลและอานุภาพรุนแรงมาก ใช้สำหรับการยิงถล่มเป้าหมายพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น กองกำลังหรือยุทโธปกรณ์ศัตรูในแนวรบ โดยพัฒนาจากระบบ BM-30 Smerch ของรัสเซีย..


🔹 ข้อมูลสำคัญของ PHL-03

รายการ รายละเอียด
ประเทศผู้พัฒนา สาธารณรัฐประชาชนจีน
บริษัทผู้ผลิต NORINCO (China North Industries Corporation)
ประเภท ระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS)
ลำกล้อง 12 ท่อยิง
ขนาดจรวด 300 มิลลิเมตร
พิสัยยิง 70 – 130 กิโลเมตร (ขึ้นกับชนิดของหัวรบ)
ชนิดหัวรบ ระเบิดแรงสูง (HE), ลูกปราย (cluster), ต้านรถถัง, ระเบิดล่าช้า
ยานฐานยิง รถบรรทุก 8×8 (มักใช้แพลตฟอร์ม Wanshan WS2400)
เวลาในการยิง ยิงครบ 12 นัดภายใน ~44 วินาที
ระบบนำทาง/ควบคุม มีแบบพัฒนาใหม่ที่ใช้ระบบนำวิถีด้วย GPS หรือ Inertial Guidance ในรุ่นใหม่ๆ
ระบบ Reload ใช้รถบรรทุกสนับสนุนพร้อมเครนช่วยโหลดใหม่ (ใช้เวลาหลายนาที)
—————

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการจัดส่งให้กัมพูชา

  • ในปี 2022 กัมพูชาได้รับ ระบบ AR2/PHL‑03 จำนวนอย่างน้อย 6 คัน พร้อมเครื่องสนับสนุน เช่น รถ WS2400 สำหรับยิง และ WS2500 สำหรับโหลดกระสุน รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารและปฏิบัติการจากจีน

  • ระบบนี้มีพิสัยยิงได้ประมาณ 70–130 กม. ขึ้นกับชนิดหัวรบ โดยจรวดแต่ละลูกหนักราว 800 กก. และมีหัวรบประมาณ 280 กก.

  • กำลังยิงได้ 12 ลูกใน 30–44 วินาที ครอบคลุมพื้นที่กว่า 60 เฮกตาร์ (ประมาณ 67 เฮกตาร์) เมื่อยิงแบบเต็มชุด (salvo)

  • ระบบติดตั้งบนรถบรรทุก Wanshan WS2400 8×8 ให้ความคล่องตัวไม่เลว แต่การเตรียมยิงต้องใช้เวลาหลายวินาทีถึงนาทีในการขึ้นสู่สภาวะพร้อมยิง

  • ข้อมูลจากกูร์ต้าที่น่าเชื่อถือระบุว่าการส่งมอบและวางระบบ PHL‑03 จัดเก็บไว้ที่ฐานอาวุธกัมปงสปือ รอการฝึกหรือการยิงร่วมกับทหารจีนในอนาคต


📝 สรุป

  • กัมพูชามีระบบยิงจรวด PHL‑03 (ชื่อส่งออก AR2) จำนวนอย่างน้อย 6 หน่วย พร้อมรถบรรทุกสนับสนุน

  • รูปภาพแสดงรถ TEL PHL‑03 ที่ขนมาจากจีนโดยสื่อโลกรายงานไว้ชัดเจน และถ่ายจากภาพจริงที่ปลายทาง

  • พิสัยยิงไกลถึงร้อยกิโลเมตร และใช้ยิงชุดใหญ่ครั้งเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพทางยุทธศาสตร์ให้กัมพูชาในเชิงการป้องกันประเทศ

มารู้จักกับ BM-21 จรวดวินเทจ40ลำกล้องของกัมพูชา

BM-21 ของกัมพูชา เป็นระบบจรวดหลายลำกล้อง (Multiple Launch Rocket System: MLRS) ที่ถูกจัดหาเข้าประจำการในกองทัพของกัมพูชา โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้..


📌 ชื่อเต็ม

BM-21 “Grad” (รัสเซีย: БМ-21 “Град”)
เป็นระบบจรวดหลายลำกล้องจากยุคสหภาพโซเวียต


🔧 ข้อมูลทางเทคนิคหลัก

รายการ รายละเอียด
ประเภท ระบบจรวดหลายลำกล้อง
ถิ่นกำเนิด สหภาพโซเวียต (ปัจจุบันคือรัสเซีย)
จำนวนลำกล้อง 40 ลำกล้อง
ขนาดจรวด 122 มม.
พิสัยยิง 5.4 – 20 กิโลเมตร (บางรุ่นยิงได้ถึง 40 กม.)
ระบบฐานยิง ติดตั้งบนรถบรรทุก Ural-375D (6×6)
เวลายิงเต็มชุด ประมาณ 20 วินาที
เวลาเตรียมยิง ไม่ถึง 3 นาที
เวลาถอนตัวหลังยิง ภายใน 1-2 นาที
ลูกเรือ 3 – 6 นาย

บริบทการใช้งาน BM‑21 ในกัมพูชา

  • กัมพูชาใช้ BM‑21 ในการซ้อมยิงครั้งแรกเมื่อปี 2010 ที่จังหวัด Kampong Chhnang โดยยิงได้ถึงระยะ 40 กม. โดยไม่มีอุบัติเหตุใด ๆ และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเตรียมกำลังเพื่อป้องกันประเทศ

  • ต่อมาในปี 2013 ฝึกยิงขนาดใหญ่ใน Kampong Speu โดยใช้ BM‑21 หลายสิบคัน ยิงมากถึง 600 ลูก และได้ผลลัพธ์แม่นยำทุกครั้งตามเป้า

  • ข้อมูลล่าสุดจากปี 2025 ระบุว่ากัมพูชามี BM‑21 ประมาณ 8 ระบบในประจำการ ภายในอาวุธของกองทัพกัมพูชา ซึ่งรวมถึง MLRS อื่น ๆ เช่น RM‑70 และระบบจีน PHL‑03


📊 สรุปข้อมูลสำคัญ

ประเด็น รายละเอียด
ชื่อ: BM‑21 “Grad” ระบบ MLRS ขนาด 122 มม.
จำนวนคร่าว ๆ: มีในกองทัพประมาณ 8 ระบบ, ใช้ร่วมกับ RM‑70 และ PHL‑03
การใช้งาน: ใช้ในงานฝึกยิง-สาธิตและเคลื่อนกำลังระหว่างการเผชิญสถานการณ์ชายแดน
จุดเด่น: ยิง 40 นัดรวดใน 20 วินาที, เตรียมยิงภายใน 3 นาที, ถอยตัวได้ทันทีภายใน 2 นาที
———
ด่วน!เขมรยิงจรวดBM21 ใส่ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เด็กนักเรียนและประชาชนตาย+เจ็บอื้อ

ด่วน!เขมรยิงจรวดBM-21 ลงปั๊มน้ำมัน 7-11พังยับ ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เด็กนักเรียนและประชาชนตาย+เจ็บอื้อ

ด่วน!เขมรยิงจรวดBM21 ตกใส่ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เด็กนักเรียนและประชาชน ตาย+เจ็บอื้อ

วันนี้ (24 ก.ค. 68) กรณีเกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่ก่อน ไทยจึงตอบโต้ เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา กระทั่งลาม 6 จุด ใน จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี กระทั่งทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้นักเรียนและประชาชนในที่เกิดเหตุบาดเจ็บหลายคน โดยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน ที่จุดเกิดเหตุ เป็นนักเรียนกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ในเวลา 11.55 น. ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เสียงปืนเงียบสงบลง และอยู่ระหว่างเขาดำเนอนการระงบเหตุ และช่วยเหลือ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ต่างเตรียมความพร้อมเร่งอพยพ   ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.10 น. พบว่าประชาชนในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต่างพากันนำรถมาจอดเข้าคิวเพื่ออพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังฝ่ายกัมพูชายิงจรวดใส่ปั๊มน้ำมันก่อนหน้านี้. cr: https://www.pohchae.com/2025/07/24/bm21/ .
ประวัติ ฮุนเซน จอมราชันย์แห่งกัมพูชา ย่อๆ ep.1

ระเบิดGBU-57A/B ของอเมริกา เจาะพื้นดินได้ลึก60 เมตร ความแม่นยำสูง ลูกละ650ล้านบาท

ระเบิด GBU-57A/B Massive Ordnance Penetrator (MOP) เป็นอาวุธเจาะบังเกอร์ที่มีความแม่นยำสูง พัฒนาโดยบริษัท Boeing สำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) เพื่อทำลายเป้าหมายที่ฝังลึกและเสริมความแข็งแกร่ง เช่น บังเกอร์ใต้ดินหรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เก็บอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) นี่คือรายละเอียดสำคัญ..

ข้อมูลทั่วไป

  • น้ำหนัก: ประมาณ 30,000 ปอนด์ (13,600 กิโลกรัม)
  • ขนาด: ยาว 20.5 ฟุต (6.2 เมตร), เส้นผ่านศูนย์กลาง 31.5 นิ้ว (0.8 เมตร)
  • ประเภท: ระเบิดเจาะลึกแบบนำวิถีด้วย GPS/INS (ไม่ต้องติดตั้งชุด JDAM เพิ่มเติม)
  • ตัวระเบิด: BLU-127 series, บรรจุวัตถุระเบิด 5,342 ปอนด์ (2,423 กิโลกรัม) ประกอบด้วย AFX-757 (4,590 ปอนด์) และ PBXN-114 (752 ปอนด์) ซึ่งเหมาะสำหรับการระเบิดในพื้นที่จำกัด
  • โครงสร้าง: ตัวระเบิดทำจากเหล็กกล้า Eglin ความหนาแน่นสูง ทนต่อแรงกระแทกจากการเจาะลึก

ความสามารถ

  • การเจาะลึก:
    • สามารถเจาะคอนกรีตเสริมเหล็กได้ถึง 60 ฟุต (18 เมตร) ที่ความแข็ง 5,000 psi หรือ 8 ฟุต (2.4 เมตร) ที่ 10,000 psi
    • เจาะพื้นดินทั่วไปได้ถึง 200 ฟุต (60 เมตร)
    • การโจมตีหลายครั้งในจุดเดียวกันสามารถเพิ่มความลึกได้
  • ระบบนำวิถี: ใช้ GPS/INS ทำให้โจมตีได้แม่นยำภายในระยะไม่กี่เมตร
  • ฟิวส์: Large Penetrator Smart Fuze (LPSF) ปรับเวลาระเบิดตามความลึกและลักษณะโครงสร้างใต้ดิน
  • ครีบควบคุม: ใช้ grid fins (ครีบตาข่าย) เพื่อความเสถียรและการควบคุมในความเร็วสูง ครีบนี้พับเก็บได้เพื่อประหยัดพื้นที่ในช่องเก็บอาวุธ

แพลตฟอร์ม

  • เครื่องบินที่ใช้: ปัจจุบันมีเพียงเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B-2 Spirit ที่สามารถบรรทุกได้ (เครื่องละ 2 ลูก) เนื่องจากน้ำหนักและขนาดของระเบิด
  • อนาคต: วางแผนให้ใช้งานกับ B-21 Raider
  • การทดสอบ: ทดสอบครั้งแรกในปี 2007 ที่ White Sands Missile Range และทดสอบจาก B-52 และ B-2 ในปี 2008-2017

การใช้งาน

  • ครั้งแรกในสนามรบ: 22 มิถุนายน 2025 ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ Fordow (12 ลูก) และ Natanz (2 ลูก) โดย B-2 Spirit จำนวน 7 ลำ
  • เป้าหมายหลัก: ออกแบบมาเพื่อทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ดินที่แข็งแกร่ง เช่น โรงงานนิวเคลียร์ Fordow ซึ่งฝังลึก 260-300 ฟุตใต้ภูเขา

การผลิต

  • จำนวน: ผลิตอย่างน้อย 20 ลูก (ข้อมูลถึงปี 2015) และมีการสั่งผลิตเพิ่มในปี 2019
  • ราคา: ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ต่อลูก(ลูกละ650ล้านบาท)
  • ผู้รับเหมา: Boeing, Northrop Grumman (ปรับปรุง B-2 เพื่อรองรับ MOP)

ข้อจำกัด

  • ต้องใช้ B-2 ซึ่งมีจำนวนจำกัด (19 ลำที่ปฏิบัติการได้) และต้องบินในสภาวะที่มีการป้องกันทางอากาศต่ำ
  • การเจาะลึกอาจไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายที่ลึกมาก เช่น Fordow หากไม่มีการโจมตีซ้ำในจุดเดียวกัน
  • ค่าใช้จ่ายสูงและเหมาะสำหรับเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงเท่านั้น

ความสำคัญ

GBU-57 เป็นระเบิดที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ที่ทรงพลังที่สุดในคลังแสงสหรัฐฯ ฉายา “Father of All Bombs” แซงหน้า GBU-43/B MOAB (“Mother of All Bombs”) ด้วยความสามารถเจาะลึกและพลังทำลายที่เหนือกว่า การใช้งานในอิหร่านแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำลายโครงสร้างใต้ดินที่แข็งแกร่ง แต่ผลกระทบระยะยาวต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านยังไม่ชัดเจน

B-2 Spirit เครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกาลำละ6หมื่นล้าน มีความฉลาดและร้ายกาจที่สุดในโลก

cr: https://www.pohchae.com/2025/06/22/b2-usa/

บี-2 สปีริท มาจากชื่อเต็มในภาษาอังกฤษว่า Northrop Grumman B-2 Spirit (นอร์ทธรอป กรัมแมน บี-2 สปีริท) ผลิต โดยบริษัท นอร์ทธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) เป็นอากาศยานทิ้งระเบิดหนัก บินครั้งแรกเมื่อ ปี ค.ศ.1988 โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการบินโดยไม่ให้ฝั่งศัตรูจับได้ และนอกจากนี้ยังเป็นอากาศยานที่มีราคาสูงที่สุดในโลกตั้งแต่มีการผลิตขึ้นมา และมีการผลิตมาเพื่อใช้ในกองทัพ เพียงแค่ 21 ลำเท่านั้น เนื่องจาก ราคาอันสูงของมัน และปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้าง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2008 เครื่อง B-2 หมายเลข AV-12 ได้ประสบอุบัติเหตุตก ที่เกาะกวม แต่โชคดีนักบินทั้ง 2 นายดีดตัวออกมาทัน กองทัพอากาศมีแผนที่จะใช้เครื่องบิน B-2 Spirit ในการดำเนินการปฎิบัติภารกิจจนถึงปี 2032 และแทนด้วยเครื่องบิน B-21 Raider

ทั่วไปของอากาศยาน

เป็นเครื่องบินที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น “เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Technology Bomber)” เป็นเครื่องบินที่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธธรรมดาได้ และสามารถ ทิ้งระเบิดได้ครั้งนึงถึง 80 ลูก (ระเบิดลูกนึงขนาด 500 ปอนด์=230 ก.ก.) โดยใช้ระบบ จีพีเอส เป็นตัวช่วยในการทิ้งระเบิด ให้แม่นยำยิ่งขึ้น การออกแบบยาน ลำตัวแปลกประหลาด เพื่อให้เรดาร์ของฝ่ายข้าศึกไม่สามารถตรวจจับได้ และก็ได้ผลจริงๆ เครื่องบินล่องหนเหล่านี้สามารถบินผ่านการป้องกันของศัตรูในเวลากลางคืนได้โดย ฝ่ายศัตรูมองไม่เห็น ราวกับเครื่องบินปีศาจ ถึงแม้ว่าลำตัวยานจะดูแล้วไม่น่านั่งสบายแต่นักบินก็สามารถขับได้ง่ายเนื่องจาก สิ่งนี้เพียงอย่างเดียว คือ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของยานลำนี้..

ขุมพลังทำลายล้างในระยะลึก

B-2 Spirit มีช่องเก็บระเบิดภายใน 2 ช่องหลัก รองรับน้ำหนักรวมได้ถึง 18,000 กิโลกรัม โดยสามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย เช่น GBU-38 (ระเบิดนำวิถีขนาดเล็ก), GBU-31 (ระเบิดนำวิถีขนาดกลาง), AGM-154, AGM-158 (จรวดนำวิถีระยะไกล) และระเบิดนิวเคลียร์ GBU-57A/B MOP (Massive Ordnance Penetrator) ซึ่งมีศักยภาพทะลวงเป้าหมายใต้ดินได้ลึกถึง 60–90 เมตร Time Stamp 0:00 B-2 Spirit เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนเจ๋งที่สุดในโลก 0:26 B-2 สร้างมาทำไม? 2:40 B-2 ล่องหนได้อย่างไร? 6:30 B-2 ล้ำยุคแค่ไหน? 8:54 B-2 ร้ายกาจแค่ไหน?  △ภาพในห้องนักบิน
เครื่องบินStealthล่องหนของอเมริกา อาจหมดพิษสง ด้วยควอนตัมเรดาร์ของจีน

รายละเอียดของยาน

โครงสร้าง

ลักษณะทั่วไป

  • ลูกเรือ: 2 คน
  • ความยาว: 69 ฟุต (21.0 เมตร)
  • ระยะระหว่างปลายปีกสองข้าง: 172 ฟุต (52.4 เมตร)
  • ความสูง: 17 ฟุต (5.18 เมตร)
  • พื้นที่ปีก: 5,140 ฟุต² (478 ตร.ม.)
  • น้ำหนัก: £ 158,000 (71.7 ตัน หรือ 71,700 กิโลกรัม)
  • น้ำหนักบรรทุกสูงสุดขณะอยู่บนอากาศ: £ 336,500 (152.2 ตัน หรือ 152,200 กิโลกรัม)
  • นำหนักบรรทุกสูงสุดขณะอยู่บนพื้น: £ 376,000 (170.6 ตัน หรือ 170,600 กิโลกรัม)
  • เครื่องยนต์  : General Electric F118-GE-100 turbofans non-afterburning
    • ให้แรงขับ 17300 ปอนด์ (77 กิโลนิวตัน) ต่อเครื่อง
    • จำนวน 4 เครื่อง
  • ความจุถังน้ำมัน: £ 167,000 (75.75 ตัน หรือ 75,750 กิโลกรัม)

สมรรถนะ

  • ความเร็วสูงสุด: 630 ไมล์/ชม. ( 1010 กม. /ชม.) ที่ระดับความสูง 40,000 ฟุต (12,000 เมตร)
  • ความเร็วปกติ: 560 ไมล์/ชม. (900 กม. /ชม.) ที่ระดับความสูง 40,000 ฟุต (12,000 เมตร)
  • พิสัยบิน: 11,000 กิโลเมตร
  • เพดานบินใช้งาน : 50,000 ฟุต (15,200 เมตร)
  • แรงขับ / น้ำหนัก: 0.205

อาวุธ

  • มีห้องเก็บอาวุธในตัวเครื่อง 2 ช่องสำหรับบรรทุกอาวุธ สามารถบรรทุกน้ำหนักสูงสุดที่ประมาณ 50,000 ปอนด์ (23,000 กิโลกรัม)
    • ระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ (230 กิโลกรัม) จำนวน 80 ลูก (เอ็มเค-82, จีบียู-38)
    • ระเบิดน้ำหนัก 750 ปอนด์ (340 กิโลกรัม) จำนวน 36 ลูก (ระเบิดประเภท CBU)
    • ระเบิดน้ำหนัก 2000 ปอนด์ (910 กิโลกรัม) จำนวน 16 ลูก (เอ็มเค-84, จีบียู-31)
    • ระเบิดนิวเคลียร์ บี61 หรือ บี83 จำนวน 16 ลูก
    • ระเบิดร่อนระยะไกล (เอจีเอ็ม-154 และ เอจีเอ็ม-158)
    • ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ จีบียู-57เอ/บี น้ำหนัก 27,125 ปอนด์ (12,304 กิโลกรัม) จำนวน 2 ลูก

 

cr: https://www.pohchae.com/2025/06/22/b2-usa/